ทำไมไม่ลงทุน คือความขาดทุน
ผมค้นพบความจริงข้อหนึ่งคือ แค่เราเริ่มมีเงินเก็บไว้ เราก็เริ่มขาดทุนแล้ว !!
แล้วอะไรทำให้เราขาดทุน ? ง่ายๆครับ คำนี้ ทุกคนเคยได้ยิน คุ้นเคยกับมันดี แต่หลายคนอาจไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของมัน คำคำนั้นคือ “เงินเฟ้อ” ครับ เงินเฟ้อในความหมายทั่วไปคือ ในระบบมีเงินเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจากสาเหตุใดก็ตาม เช่น คนมีเงินเยอะขึ้น มีการใช้จ่ายมากขึ้น (ตรงข้ามกับเงินเฟ้อ คือ เงินฝืด เกิดจากคนไม่ค่อยจะใช้เงินกัน) แล้วทีนี้ ทำไมเราอยู่ดีๆ ถึงขาดทุนล่ะ ครับผม การที่เรามีเงินเก็บไว้ ไม่ว่าจะฝังโอ่งไว้ เก็บไว้ในตู้เซฟที่บ้าน หรือว่าฝากไว้ตามธนาคารพานิชย์ทั่วไป เงินของเราก็จะมีค่าน้อยลงเรื่อย ๆ อธิบายง่าย ๆ ได้ดังนี้ . . .
คำอธิบายนี้ผมใช้อธิบายกับแม่ของผมเอง เมื่อประมาณเดือนที่แล้ว ผมอธิบายว่า เงินเฟ้อ จะทำให้เงินของเราที่เก็บไว้ มีค่าน้อยลง ผมถามแม่ว่าตอนนี้หมูกิโลล่ะเท่าไหร่ และปีที่แล้วหมูกิโลละเท่าไหร่ แม่บอกว่า ตอนนี้หมูกิโละ 140 บาท ปีที่แล้วหมูกิโลนึงราคาแค่ประมาณ 100 บาท ผมบอกว่า นั่นแหล่ะ คือเงินเฟ้อ เห็นมั้ย เงินของแม่มีค่าน้อยลง จากที่เมื่อก่อนแม่เคยมีเงิน 100 บาท ซื้อหมูได้ 1 กิโล แต่ตอนนี้ แม่มีเงิน 100 บาท แม่ไม่สามารถซื้อหมูได้ 1 กิโลอีกแล้ว นั่นคือ เงินมีค่าน้อยลง เมื่อเวลาผ่านไป (เงินเฟ้อขึ้นทุกปี) เป็นไงล่ะครับ แค่เอาเงิน 100 บาท ใส่ไว้ในกระเป๋าเฉยๆ เราก็ “ขาด-ทุน” แล้วครับ (ขาดทุน = ทุนขาดไป)
เอาเงินฝากธนาคาร ขาดทุนรึเปล่า ?
ฝากประจำ หรือว่าออมทรัพย์กับธนาคาร อย่างน้อยเราก็ได้ดอกทุกปีนี่? ไม่เลยครับ เราขาดทุนเต็ม ๆ เน้น ๆ ขาดทุนแบบแสกหน้าเลย เค้าให้ดอกเบี้ยเรา 2.5 % (นี่คือดอกเบี้ยเงินฝากที่ผมเจอสูงสุด ณ ตอนนี้) แต่เงินเฟ้อปีนึงอย่างน้อย ๆ 5% ครับ ของแพงขึ้นทุกปี ยิ่งดองเงินไว้ในธนาคาร ยิ่งมากเท่าไหร่ เรายิ่งขาดทุนมากเท่านั้น
วิธีแก้ ?
ง่ายมากเลยจริง ๆ ครับ รู้มั้ยครับ คุณโชคดีมากมี่อ่านมาถึงบรรทัดนี้
วิธีแก้ความขาดทุนจากการ ไม่ลงทุน ก็คือ การลงทุนครับ
5555 ผมพูดจริงๆ นะ ไม่ได้ล้อเล่น ผมขอจบบทความเพียงเท่านี้
*บทความนี้ โพสครั้งแรกบน blog ส่วนตัว เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2554