สำหรับคนที่ไม่เคยรู้จักมักคุ้นกับตลาดหุ้น อาจจะกลัวตลาดหุ้น โดยมองว่าเป็นสถานที่ที่เสี่ยง อันตราย มีโอกาสทำให้หมดตัวได้ ก็มีส่วนจริงอยู่บ้าง สำหรับผู้ที่หลับหูหลับตา “เล่น” อย่างเดียว ไม่ยอมเปิดหูเปิดตา รับความรู้ ศึกษาข้อมูลบริษัทเพิ่มเติม
ในตลาดหุ้นนั้น แต่ละคนจะสไตล์การ “ลงทุน” ของตัวเอง จริง ๆ แล้วแบ่งเป็นหลายกลุ่มมาก ๆ แต่เดี๋ยวผมจะแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ให้มองเห็นภาพกันชัด ๆ
นักลงทุนในตลาดหุ้น แบ่งได้เป็นกี่ประเภท (ใหญ่ ๆ)
1. Day Trader
กลุ่มนี้เรียกสั้น ๆ ว่า “เดย์เทรด” คือเล่นหุ้นรายวัน ซื้อมาขายไป ส่วนมากจะเล่นหุ้นตามข่าว ข่าวดีมาก็ซื้อ ราคาขึ้นก็ขาย กลุ่มนี้มักไม่ถือหุ้นนาน อาจไม่กี่ชั่วโมง หรือไม่ถึงชั่วโมง อย่างมากก็ไม่เกินสัปดาห์ ถ้าหุ้นตัวที่ซื้อมาราคาตก ก็รีบขาย Cut Loss (ตัดขาดทุน) ก่อนที่จะลงไปมากกว่าเดิม และทำให้ขาดทุนมากขึ้น
นักลงทุนกลุ่มนี้จะไม่สนใจบริษัทจดทะเบียนที่ตนซื้อ บางที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหุ้นตัวที่ซื้อไปทำกิจการอะไร ขายอะไร ใครเป็นผู้บริหาร ฯลฯ ถือเล่นตามข่าว อาจเป็นข่าวทางสื่อทั่วไป หรือข่าววงในจากนักปั่นหุ้น
นักลงทุนกลุ่มนี้มักซื้อหุ้นตอนหุ้นขึ้น (หรือมีข่าวว่าจะขึ้น) พอขึ้นไปซักระดับหนึ่งที่ต้องการแล้วก็จะขายทำกำไร ความเสี่ยงคือถ้าขายไม่ทันนั้น จะทำให้ขาดทุนและเกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก
2. Value Investor
กลุ่มนี้มีชื่อเรียกสั้น ๆ เหมือนกัน โดยเรียกว่า “แนว VI” กลุ่มนี้ลงทุนในคุณค่าของหุ้น กล่าวคือ จะมองแนวโน้มการดำเนินงานของบริษัท มองอนาคตของธุรกิจที่มีแนวโน้มจะเติบโต เพื่อเพิ่มมูลค่าของหุ้นต่อไป กลุ่มนี้มักศึกษาข้อมูลบริษัที่สนใจเป็นอย่างดีก่อน ทั้งลักษณะกิจการ งบการเงิน ผู้บริหาร จากนั้นเมื่อเจอตัวที่เห็นว่าดีแล้ว ก็จะซื้อหุ้น แล้วถือยาว รอรับปันผล ระหว่างที่ถือนั้นก็จะติดตามข้อมูลของบริษัทว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ถ้าบริษัทมีพื้นฐานดีขึ้น เช่นบริษัทได้รับการต่อสัญญาสัมปทาน ถือเป็นข่าวดี อาจจะซื้อหุ้นเพิ่ม (หรืออยู่เฉย ๆ ก็ได้) ถ้าบริษัทมีพื้นฐานแย่ลง อย่างเปลี่ยนตัวผู้บริหาร (CEO) ไปเป็นคนที่ไม่มีธรรมาภิบาล ไม่มีคุณธรรม ขาดความซื่อตรง ผู้ถือหุ้น แนว VI นั้น อาจพิจารณาขายหุ้นไป เป็นการปรับพอร์ท เพราะถือว่าพื้นฐานบริษัทเปลี่ยน ไม่เป็นหุ้นที่ดี ที่น่าถืออีกต่อไป
นักลงทุนแนว VI นี้ส่วนมากจะลงทุนในระยะยาว หลายคนอาจมองว่าไม่ทันใจ แต่เอาแน่นอนไว้ก่อน นักลงทุนกลุ่มนี้ก็มีความเสี่ยงเหมือนกัน แต่น้อยกว่ากลุ่ม Day Trade มีความเสี่ยงส่วนที่เรากำจัดออกไปได้ คือเรารู้ข้อมูลมากขึ้น เราจะยิ่งมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น นอนหลับสบาย เป็นการลงทุนที่ไม่กระทบสุขภาพจิต
นักลงุทนแนว VI อาจปรับพอร์ทการลงทุนบ้าง เช่น ถ้าราคาหุ้นตัวที่ซื้อไว้นั้น มีราคาสูงเกินพื้นฐานที่แท้จริงของบริษัทมากเกินไป ก็อาจจะตัดขายไปบางส่วน เพื่อลดต้นทุน และถือส่วนที่เหลืออยู่อย่างสบายใจมากยิ่งขึ้น (เพราะต้นทุนลดลง มีเงินเหลือไปลงทุนซื้อตัวอื่นได้)
ควรลงทุน เล่นหุ้น แบบไหนดี ?
ทั้งสองกลุ่มที่ได้แบ่งไว้นั้นคือกลุ่มใหญ่ ๆ ที่จริงมีกลุ่มนักลงทุนอีกหลายกลุ่มย่อย ๆ และยังมีกลุ่มนักลงทุนที่เป็นสถาบัน กองทุนทั้งไทยและต่างชาติ อีกเยอะแยะครับ แต่ที่ยกมานั้น คือกลุ่มรายย่อย พอเป็นแนวทางสำหรับผู้เริ่มต้นเล่นหุ้นครับ ส่วนคำถามที่ว่าควรเล่นแบบไหนดีนั้น ต้องถามตัวเองว่าชอบแบบไหน ต้องการแบบไหน รับความเสี่ยงได้ขนาดไหน (คือเอาเงินจากไหนมาลงทุน เงินเย็นขนาดไหน ถ้าเสียไปเพราะขาดทุนจะเดือดร้อนหรือไม่) ผมไม่สามารถคิดแทนใครได้ว่าเล่นแบบไหนดี อยู่ที่บุคลิคภาพของแต่ละคนมากกว่าว่าชอบแบบไหน
การลงทุนในตลาดหุ้นเป็นเรื่องสนุก น่าลองให้ครบ ๆ ทุกแนวเหมือนกัน (ถ้าไม่รีบเจ๊งไปซะก่อน อิอิ ล้อเล่นครับ) ลองพิจารณาศึกษาดู คงจะค้นพบตัวเองซักวัน
พบกันใหม่บทความหน้าครับ : )